วันที่ 15 พ.ค. 2552 เดินทางไปอุทยานแห่งชาติปางสีดาเพื่อทำงานวิชาการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติวิทยา เรื่อง นก ผีเสื้อ กล้วยไม้ป่า และความหลากหลายทางชีวภาพ ระหว่างเดินทางผ่านด้านหน้าลานจอดรถของน้ำตกปางสีดา พลันสายก็เหลือบเห็นก้อนเมฆก้อนหนึ่ง ดูแล้วแปลกดีเลยถ่ายรูปเก็บไว้ที่ว่าแปลกก็คือ มันมีรูปร่างเหมือนม้ากำลังจะทะยานไปข้างหน้า อีกอย่างคือ เหมือนกับม้าตัวนี้จะมีปีกด้วย ทำให้นึกถึงม้าในเทพนิยายกรีกโบราณ ม้าตัวนี้ชื่อ “เปกาซัส”เปกาซัส (Pegasus) เป็นม้ามีปีกที่เกิดจากเลือดของเมดูซา (เลือดจากศรีษะที่ถูกเปอร์เซอุสตัด) พุ่งออกมาผสมกับฟองของน้ำทะเล โดยเทพเจ้าโปไซดอนเนรมิตขึ้นมา จากนั้นเปอร์เซอุสก็ใช้ม้าเปกาซัสเป็นพาหนะเพื่อเดินทางไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากเทพเจ้า จนมาพบกับเจ้าหญิงแอนโดรเมดาผู้มีสิริโฉมที่งดงาม แต่กำลังถูกตรึงไว้ที่โขดหินเพื่อบูชายันต์แก่ปิศาจที่จะมาเอาตัวนางไป (สาเหตุเพราะเหล่านางเทพอัปสรซึ่งเป็นธิดาเจ้าทะเลรู้สึกโกรธที่ พระนางแคสซิโอเปียแห่งนครเอธิโอเปีย พระมารดาของเจ้าหญิงแอนโดรเมดาชอบโอ้อวดว่าธิดาของตนงดงามกว่าพวกนาง เหล่านางเทพอัปสรจึงไปฟ้องเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เทพเจ้าจึงส่งปิศาจลงมาสร้างความปั่นป่วนบนโลก) เมื่อเปอร์เซอุสอาสาเข้าต่อสู้กับปิศาจตนนี้ เขาได้ใช้หัวของเมดูซาที่ตัดขาดแล้วนำมาด้วยส่องไปที่ใบหน้าของปิศาจ เมื่อปิศาจจ้องมองดวงตาของเมดูซาจึงทำให้กลายเป็นหินในที่สุดแอนโดรเมดาจึงรอดชีวิตมาได้
ความรู้เกี่ยวกับ เปกาซัส อีกอย่างหนึ่งคือ เป็นกลุ่มดาวในแกแลกซีแอนโดรเมดา หรือ กลุ่มดาว M31 กลุ่มดาวเหล่านี้มีอายุพอๆ กับกลุ่มดาวในแกแลกซีทางช้างเผือก อยู่ห่างจากโลก 2.2 ล้าน ปีแสง แกแลกซีเป็นรูปเกลียวเหมือนจานสองใบประกบกัน หากต้องการมองเห็นกลุ่มดาวแอนโดรเมดาลักษณะเป็นฝ้าขาวที่ชัดเจนขึ้น อาจใช้กล้องส่องทางไกล หรือกล้องดูดาว โดยกลุ่มดาวแอนโดรเมดาจะอยู่สูงที่สุดบนฟ้า เวลาประมาณสี่ทุ่ม ช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น